ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 5
เรื่องย่อ กรุงศรีอโยธยาว่างเว้นจากการทำศึกกับหงสาวดีมาเป็นเวลาถึง ๓ ปีเต็ม ระหว่างนั้นพระมหาธรรมราชาทรงประชวรและเสด็จสวรรคต สมเด็จพระนเรศเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งกรุงศรีอโยธยา เมื่อพระชนมายุได้ ๓๕ พรรษา พระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงเห็นว่าไทยกำลังผลัดเปลี่ยนแผ่นดินใหม่ บ้านเมืองยังคงวุ่นวายอยู่ จึงทรงให้พระมหาอุปราชจัดทัพหลวงยกลงมายังกรุงอโยธยาโดยพลัน...... สมเด็จพระนเรศทรงทราบข่าว จึงยกทัพไปตั้งมั่นรอรับศึกที่สุพรรณบุรี ในคืนนั้นทรงสุบินว่าได้สู้กับพญากุมภี และได้ฆ่าพญากุมภีตาย โหรหลวงทำนายว่าจะทรงได้ชัยเหนือแม่ทัพใหญ่ของข้าศึก...... เช้าวันรุ่งขึ้น กองทัพหน้าของอโยธยาปะทะกับทัพหลวงของหงสาวดี แต่ด้วยไพร่พลที่น้อยกว่า ทำให้ทัพหน้าของอโยธยาถูกตีร่นถอยมา สมเด็จพระนเรศทรงเห็นว่าถ้ายกทัพหลวงไปช่วยปะทะโดยตรง อาจจะเสียขบวนตามกันไป จึงทรงวางอุบายแบ่งทัพหลวงเป็นสองส่วน ตั้งซุ่มรอทัพพม่าเป็นสองด้านหมายทำศึกกระหนาบ แล้วส่งม้าเร็วไปบอกกองทัพหน้าให้แกล้งถอยร่นลงมา กองทัพหงสาวดีเห็นว่าทัพหน้าของอโยธยาแตกพ่ายไม่เป็นขบวน จึงไล่ตามมาอย่างย่ามใจ สมเด็จพระนเรศจึงนำทัพหลวงเข้าตีขนาบ ไล่ฆ่าฟันทหารพม่าล้มตายเป็นจำนวนมาก กองทัพหงสาวดีเห็นว่าหลงกลศึกของทหารอโยธยาจึงถอยหนี ทหารอโยธยาไล่ตามเข้ารบพุ่งตะลุมบอนจนฝุ่นตลบ จนไม่เห็นว่าใครเป็นใคร ช้างพระที่นั่งของสมเด็จพระนเรศและพระเอกาทศรถได้ไล่ตามข้าศึกไปอย่างเมามัน จนตกเข้าไปอยู่ในวงล้อมของข้าศึก เมื่อฝุ่นจางลง สมเด็จพระนเรศทรงตระหนักว่าได้เข้ามาอยู่ท่ามกลางวงล้อมของทหารหงสาวดีนับแสน มีเพียงช้างพระที่นั่งของพระองค์และพระเอกาทศรถ อีกทั้งทหารติดตามพระองค์เพียงกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ในขณะนั้นได้ทอดพระเนตรเห็นพระมหาอุปราชยืนช้างพระที่นั่งอยู่ในร่มไม้ ด้วยความที่ทรงมีพระสติมั่นคง ไม่หวั่นเกรงต่อภยันตรายใดๆ จึงทรงไสช้างเข้าไปเบื้องหน้าและรับสั่งกับพระมหาอุปราชว่า เชิญเจ้าพี่เสด็จออกมาทำยุทธหัตถีกันด้วยวิถีทางของนักรบเถิด กษัตริย์ในภายภาคหน้าที่จะได้ชนช้างอย่างเราจะไม่มีอีกแล้ว พระมหาอุปราชก็ทรงมีขัตติยะมานะ ด้วยทรงมีเชื้อสายกษัตริย์นักรบเช่นกัน จึงทรงไสช้างเข้ากระทำการยุทธหัตถีกับสมเด็จพระนเรศ แต่ด้วยเจ้าพระยาไชยานุภาพช้างพระที่นั่งของสมเด็จพระนเรวศวรมีขนาดเล็กกว่าช้างพระที่นั่งของพระมหาอุปราช จึงได้แต่ตั้งรับ พระมหาอุปราชไสช้างพระที่นั่งโถมเข้าใส่ ทรงเงื้อพระแสงของ้าวฟันลงที่สมเด็จพระนเรศ ถูกพระมาลาบิ่นไป เมื่อเจ้าพระยาไชยานุภาพได้ทีสลัดหลุด จึงใช้งางัดช้างพระที่นั่งของพระมหาอุปราชจนเซไป เจ้าพระยาไชยานุภาพเป็นฝ่ายหันมาได้ล่าง พระนเรศใช้พระแสงของ้าวฟันลงที่พระมหาอุปราชถึงขาดสะพายแล่ง สิ้นพระชนม์ลงบนคอช้าง ทหารหงสาวดีเห็นพระมหาอุปราชสิ้นพระชนม์ ต่างกรูกันเข้ามารุมล้อมช้างพระที่นั่งของสมเด็จพระนเรศ ทหารรักษาพระองค์เข้าป้องกันเป็นสามารถ ทัพหลวงของอโยธยาตามมาทันบุกตะลุยเข้ามากลางวงล้อมนำเสด็จพระนเรศและพระเอกาทศรถออกมาได้ ทหารหงสาวดีเมื่อขาดจอมทัพก็ต่างพากันเสียขวัญ จึงถอนทัพอัญเชิญพระศพกลับหงสาวดีทันที หลังจากสงครามยุทธหัตถี พระปรีชาสามารถของสมเด็จพระนเรศก็เป็นที่เลื่องลือไปทั่วทุกสารทิศ “ตั้งแต่นั้นมากรุงหงสาวดีก็ไม่ได้ยกทัพมารุกรานแผ่นดินอโยธยาอีกเลยเป็นเวลายาวนานถึง ๑๕๐ ปี”
แสดงความคิดเห็น